แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
ช่วงที่ 1 เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการนำตัวผู้ต้องหามาขอฝากขังต่อศาลและศาลอนุญาตให้ขังซึ่งถือว่าผู้ต้องหาอยู่ในอำนาจควบคุมของศาลแล้ว
ช่วงที่ 2 ช่วงที่ศาลประทับฟ้องของโจทก์ ผู้ต้องหามีสถานะเป็นจำเลยซึ่งต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในอำนาจของศาล
หลักฐานที่ใช้
– บัตรประจำตัวประชาชน บัตรข้าราชการ หรือบัตรแสดงตำแหน่งหน้าที่การงาน
– ทะเบียนบ้านของจำเลยและผู้ประกัน พร้อมสำเนา
– เงินสด
– หลักทรัพย์ เช่น โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก) พร้อมหนังสือรับรองราคาประเมิน
– บัญชีเงินฝากพร้อมหนังสือรับรองจากธนาคาร
– หนังสือรับรองจากต้นสังกัดหรือนายจ้าง (กรณีขอประกันตัวด้วยตำแหน่งหน้าที่)
– หนังสือยินยอมของคู่สมรส (กรณีผู้ขอประกันมีคู่สมรส)
หลักเกณฑ์ในการสั่งคำร้องขอประกัน
เมื่อยื่นคำร้องขอประกันแล้ว ศาลจะพิจารณาเรื่องเหล่านี้ ประกอบในการพิจารณาสั่งคำร้อง คือ
- ความหนักเบาแห่งข้อหา
- พยานหลักฐานที่นำสืบแล้วมีเพียงใด
- พฤติการณ์ต่าง ๆ แห่งคดีเป็นอย่างไร
- เชื่อถือผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันได้เพียงใด
- ผู้ต้องหาหรือจำเลยน่าจะหลบหนีหรือไม่
- ภัยอันตรายหรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการปล่อยชั่วคราวมีเพียงใด
- คำคัดค้านของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ
อ้างอิง: บัญชีมาตรฐานกลางสำหรับการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยของศาลอาญา
https://crimc.coj.go.th/th/content/category/detail/id/8285/iid/227615
…………………………………….
Cr. ทนายหน่อย ติดต่อเบอร์ 02-922-9288