#ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา #เหตุหย่า

มาตรา ๑๔๖๑ สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา สามีภริยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะของตน

* มาตรา ๑๔๖๒ ในกรณีที่สามีภริยาไม่สามารถที่จะอยู่กินด้วยกัน ฉันสามีภริยาโดยปกติสุขได้ หรือถ้าการอยู่ร่วมกันจะเป็นอันตรายแก่กาย หรือจิตใจหรือทำลายความผาสุกอย่างมาก สามีหรือภริยาฝ่ายที่ไม่สามารถ ที่จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุขได้หรือฝ่ายที่จะต้องรับอันตราย หรือถูกทำลายความผาสุก อาจร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งอนุญาตให้ตน อยู่ต่างหากในระหว่างที่เหตุนั้น ๆ ยังมีอยู่ก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ศาลจะ กำหนดจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ฝ่ายหนึ่งจ่ายให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งตามควร แก่พฤติการณ์ก็ได้

มาตรา ๑๕๑๖ เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้

* (๑) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามีเป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

 (๒) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็น ความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง

(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง

(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือ ภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ

(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะ และความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(๓) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือ หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(๔) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปีอีกฝ่าย หนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

* (๔/๑) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและได้ถูก จำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำ ความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และ การเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหาย หรือเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

* (๔/๒) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

*(๕) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตาย ร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(๖)สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง ตามสมควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะ และความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(๗) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริต นั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(๘) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่อง ความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(๙) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัย แก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(๑๐) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้น ไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

         เพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวชีวิตคู่ก็จำเป็นต้องปรับตัวเข้าหากัน แต่เมื่อปรับไม่ได้ก็จะต้องหย่ากันไป  แต่ระหว่างที่จะถึงตรงนั้นมันจะมีสิ่งบอกเหตุต่างนาๆที่ต้องคิด วิเคราะห์ และหาแนวทางแก้ไขกันต่อไป ดั่งเช่นที่ผมเจอคำถามแบบนี้

         สวัสดีค่ะคุณทนาย ดิฉันชื่อ  เอ  นะคะ ขอถามคุณทนายเป็นข้อๆไว้ คุณทนายว่างค่อยมาตอบก็ได้ค่ะ

         ๑. เอ คบกับแฟนรวมมา ๖  ปีแล้วค่ะ  จดทะเบียนสมรสมา  ๒ ปี ค่ะ แต่ก่อนอยู่หอพักในกรุงเทพค่ะ หลังจากจดทะเบียนสมรสแล้วย้ายมาอยู่บ้านเขา.. ตั้งแต่นั้นมา เขากร่างขึ้นมากใช้คำพูดไม่ดีไม่เห็นหัว เอ  เลยค่ะ เหมือนเอแค่คนอาศัย มีกฎหมายข้อไหนเอาผิดได้มั้ยคะ

         ๒. เขาเริ่มเปลี่ยนไปค่ะ แอบแชทโทรศัพท์ แอบโทรหาคนอื่นและตัวติดโทรศัพท์ตลอด จะอยู่ชั้นล่างของบ้านจนเอหลับ เขาค่อยขึ้นมาบนห้อง เป็นอย่างนี้มา ๑ ปีเต็มๆ และคำพูดเชิงว่าทนได้ก็อยู่ไป ไม่ไหวก็ออกจากบ้านไปซะ  เคยทะเลาะกันแล้ว แม่เขาไม่อยากให้เลิกกันค่ะ เอไม่มีหลักฐานอะไรเลยค่ะ มีกฎหมายข้อไหนเอาผิดเขาได้มั้ยคะ

         ๓. เขาติดเพื่อนมากจนปล่อยปละละเลยเอ ทิ้งให้เอนอนร้องไห้เกือบทุกวันค่ะ เอกับเขาหาตังค์เข้าบ้านเขากันแค่ ๒ คนค่ะ พ่อและแม่เขาอยู่บ้านเฉยๆ แต่เขาก็ไม่เคยพอใจในเงินที่เอหามาเลย เฉยชา บึ้งตึง บอกไม่แคร์ ทุกวันนี้ไม่ต้องการให้อยู่ อยู่ก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งๆที่เอทุ่มให้ทางบ้านเขาทุกอย่างค่ะ ตอนนี้ไม่กล้าบอกที่บ้านตัวเองเลยค่ะ เพราะพ่อแม่เอรักเขามากเวลากลับบ้านเขาทำตัวเป็นลูกเขยที่ดีมากค่ะ  แต่พอกลับมาถึงบ้านเขา เขาก็จะเป็นอีกคนทันที มีกฎหมายข้อไหนเอาผิดได้มั้ยคะ

         ๔. มีสินสมรสร่วมกันคือรถยนต์ค่ะที่พึ่งออกร่วมกันเมื่อต้นปี…พอมีรถยนต์ยิ่งหนักกว่าเดิมเลยค่ะ ไม่เห็นหัวเอ ไม่เห็นหัวพ่อแม่เขา ด่ากราดทุกครั้งที่ไม่พอใจ  พูดดีแต่กับเพื่อนเขาค่ะ มีกฎหมายข้อไหนเอาผิดได้มั้ยคะ

         ๕. เขาดูถูกเอไว้ว่า จะไปฟ้องศาลก็ไป เพราะเอบอกว่าถ้ามีมือที่ ๓ เอฟ้องนะ เขาก็พูดว่าเธอก็ดีแต่พูดแหละทำไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่มี ไม่มีหลักฐาน ตอนนี้เอจุกอกมากค่ะ ร้องไห้ทุกวัน

        ทนายตอบหนูเอนะครับ….

         ข้อ  ๑. และ ๒   สามีไม่เห็นหัว และสามีชอบแอบโทรหาคนอื่นพูดจาไม่เห็นหัว  ไม่มีกฎหมายเอาผิดสามีหรือภรรยาทำนองนี้ทั้งแพ่งและอาญา นะครับหนู

         ข้อ ๓ -๕  น่าเห็นใจหนูมากนะครับ สามีเขาสามารถทำให้พ่อแม่คุณรักเขามากได้  เขาไม่พอใจเงินที่คุณหามาได้  แบบนี้ชัดเลยว่าเขาไม่ให้คุณค่าคุณเอเลยไม่ว่าความสำคัญที่ตัวคุณหรือเงินของคุณ ยิ่งเขาไม่เคารพพ่อแม่เขาเองด้วยแล้วไปกันใหญ่เลย  คุณอาจจะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรชอบแบบไหนทำอะไรก็ไม่ถูกใจไปหมดจนเขาคงตัดใจไปแล้วว่าจะไม่เอาคุณ โดยไม่เปิดโอกาสให้คุณแก้ตัวแล้วนะ   แต่ถ้าคุณจะอยู่ร่วมกันต่อไปจะต้องศึกษา อดทน  ปรับตัวเอง  ลองดูสักระยะหนึ่งก็ได้  แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องตัดสินใจเลยอย่าช้า ไม่น่าจะมีอะไรดีอีกแล้ว   ที่ถามมาทั้งหมดนั้นไม่มีกฎหมายข้อไหนจะบังคับให้สามีคุณเขากลับตัวกลับตนเป็นคนดีหรือที่ทำอะไรถูกใจหนูได้เลย  กฎหมายที่กำหนดหน้าที่ของสามีภรรยาให้ต้องเลี้ยงดูซึ่งกันและกันตามความสามารถและฐานะของตน ตามปพพ.มาตรา ๑๔๖๑  และกำหนดว่า  ถ้าหากไม่สามารถอยู่กินกันฉันสามีอย่างปกติสุขได้…ก็อาจร้องขอต่อศาลให้ศาลมีคำสั่งให้อยู่ห่างๆกันระหว่างมีเหตุนั้นๆยังมีอยู่ก็ได้  …. ตาม ปพพ. มาตรา  ๑๔๖๒  และถ้าหนูอยู่กันไม่ได้จริงๆก็ต้องมีหลักฐานเพียงพอก็ไปว่ากันเรื่องสาเหตุแห่งการหย่า ตามมาตรา ๑๕๑๖  เท่านั้นครับ  ดังนั้นหนูต้องตัดสินใจเลยว่าจะไปต่อหรือจบเลย  ในเมื่อไม่มีหลักฐานพอก็ชวนกันไปหย่าโดยไม่ต้องหาเหตุหย่าตามกฎหมายก็ทำได้ ซึ่งถือเป็นการสมัครใจหย่าครับ

โทรหาเรา